ใครจะคิดบ้างว่า ธุรกิจ MLM นี้ก็สามารถวิเคราะห์ได้จาก จุดอ่อนจุดแข็ง ในเชิงธุรกิจเหมือนกับธุรกิจอื่นๆ ได้ด้วย ซึ่งวันนี้ดิฉันจะมาวิเคราะห์ให้เห็นถึงจุดอ่อน จุดแข็งของธุรกิจ MLM นั้นกันแบบครบในรูปของ SWOT Analysis กันค่ะ มาดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง ขอเริ่มด้วย
Strengths ( จุดแข็ง )
* มีระบบ Upline/Downline ซึ่งถ้า Upline ช่วยให้ Downline สำเร็จมากเท่าไหร่ ตัวเองก็จะสำเร็จมากขึ้น
ด้วย เป็นธุรกิจที่ Win-Win ทั้ง 2 ฝ่าย
* มีการสอน ถ่ายทอดประสบการณ์จากผู้ประสบความสำเร็จ ซึ่งธุรกิจทั่วไปคงไม่มีเจ้าสัวคนไหนใจดี
มาสอนแบบหมดเปลือกแน่ๆ
* ไม่จำกัดรายได้ ทำมากได้มาก ทำน้อยได้น้อย สามารถ
สร้างเครือข่ายได้ไม่จำกัด
* สามารถทำงานได้ทุกที่ ทุกเวลา
* เมื่อสร้างเครือข่าย หรือระบบได้แล้ว เราเป็นเจ้าของระบบ แม้จะหยุดทำก็มีรายได้เข้ามา เพราะไม่ว่า
เราจะทำงานอยู่หรือไม่ แต่ระบบที่เราสร้างขึ้นยังคงทำงาน
* ลงทุนต่ำมาก แค่ค่าสมัคร (คืนเงินได้ใน 90 วันถ้าจะเลิกกิจการ) ส่วนสินค้าที่ซื้อก็สามารถคืนเงินได้
นอกนั้นเป็นค่าบริหารจัดการ เช่น ค่าเดินทาง ค่าโทร ค่าอบรม เป็นต้น
* มีความเสี่ยงต่ำมากเมื่อเทียบกับธุรกิจอื่น เพราะลงทุนต่ำ แต่ผลตอบแทนสูง และมีระบบ Support
จากบริษัททั้งระบบการผลิต ระบบบัญชี ระบบสต็อก ระบบจัดส่ง รวมถึงการพัฒนาวิจัยผลิตภัณฑ์
และการตลาด ซึ่งเราไม่ต้องลงทุนตรงนี้เลย (เจ้าของกิจการจะเข้าใจเลยว่า กิจการจะไปรอด ระบบ
เหล่านี้ต้องแน่นมมากๆ ซึ่งต้องลงทุนสูงมาก)
* กิจการที่เราสร้างขึ้น สามารถสืบทอดเป็นมรดกได้ ซึ่งหลายคนตัดสินใจทำก็เพราะต้องการสร้าง
ความมั่นคงให้รุ่นลูกรุ่นหลานนี่แหละ
* เป็นธุรกิจที่ให้อิสระภาพทางการเงิน และเวลาได้ (ธุรกิจทั่วไป
ส่วนมากต้องแลกระหว่างเงิน และเวลา)
Weaknesses ( จุดอ่อน )
* คนไม่เข้าใจแล้วนำไปคิดเอง โดยไม่ศึกษา และนำไปถ่ายทอดแบบไม่ถูกต้อง ทำให้ได้ยินบ่อยๆว่า
ระบบดี สินค้าดี แต่ไม่ชอบคนขายที่มาตื้อจนรำคาญ
* ต้องทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจมากกว่างานปกติ เพราะธุรกิจนี้ลงทุนด้วยใจมากกว่าลงทุนด้วยเงิน
* ต้องศึกษาเรียนรู้ทั้งแนวคิด สินค้า คน ต้องเข้าCenter, เสัมนาตามโรงแรมหรือต่าง
จังหวัด, HouseMeeting ซึ่งบางคนไม่มีเวลา และรู้สึกว่าไม่คุ้ม เพราะทำแบบ Part time เพื่อแค่ให้มี
รายได้เสริมจากงานประจำ ซึ่งจริงๆแล้ว การทำธุรกิจนี้ อย่าลืมว่ามันเป็นธุรกิจ ไม่ใช่แค่งานขาย
เราต้องมอง และทำแบบเป็นธุรกิจจริงๆ (ถ้าทำแบบงานขาย สุดท้ายก็ไม่ต่างอะไรกับ Saleman แล้วก็
เลิกไปในที่สุด เพราะ Model ธุรกิจนี้ออกแบบมาเพื่อให้ทำเป็นธุรกิจ) ซึ่งการจะทำธุรกิจเพื่อสร้าง
กิจการของเราเองนั้นต้องทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ ศึกษาเรียนรู้ตลอดเวลา โดยเฉพาะการเรียนรู้จาก
คนสำเร็จ จะทำให้เราไม่ต้องเสียเวลาลองผิดลองถูกเอง
* ต้องมี Positive Thinking มากๆ ซึ่งเป็นแนวคิดที่ดี แต่หลายคนทำไม่ได้
* ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง เช่นเลิกดูละครหลังข่าว ขยันมากขึ้น หัดมีมนุษยสัมพันธ์มากขึ้น จากที่เคย
แต่งแบบเซอร์ไม่เคยดูแลตัวเอง ต้องดูแลมากขึ้น เพราะมีผลต่อภาพลักษณ์ของเรา (ไม่มีนักธุรกิจ
คนไหนผมเผ้ารุงรัง ใส่เสื้อยับๆไปทำงานจริงป่ะ!) ซึ่งการเปลี่ยนแปลงตัวเองนั้น ต้องฝืนมากๆ
ทำให้หลายคนต้องแพ้แก่ตัวเอง และเลิกไปในที่สุด !
* ถ้าทำไม่ถูกวิธี ไปหลอก ไปตื้อ ไปง้อ ไปอ้อนวอน ไปขอร้อง ไปบังคับเพื่อนซื้อ อาจโดนเพื่อนเลิก
คบได้ (ปัญหานี้พบได้บ่อยกับคนที่สมัครแล้วออกไปทำเลย โดยที่ยังไม่เข้าใจหัวใจของธุรกิจจริงๆ)
* ถ้าไม่มีความฝัน ไม่มีเป้าหมายในชีวิต ยากที่จะประสบความสำเร็จ เพราะคุณจะทำแบบไร้ทิศทาง
และสุดท้ายก็หลงทางออกนอกเส้นทางไปในที่สุด
หมดไปแล้ว 2 จุด ทีนี้มาต่อ อีก 2 อย่างในการวิเคราะห์แบบ SWOT นั่นก็คือ...
Opportunities ( โอกาส )
* โอกาสทางธุรกิจมีความเท่าเทียม ทุกคนทำได้ ไม่จำกัดเพศ อายุ (แต่ต้องเกิน18) การศึกษา
* สามารถเริ่มต้นสร้างธุรกิจด้วยเงินลงทุนที่ต่ำ ทุกคนสามารถลงทุนได้
* สามารถลองทำธุรกิจดูก่อนได้ ถ้าไม่เวิร์คจริงก็เลิกกิจการ แถมคืนเงินได้ทั้งค่าสมัครและสินค้า
* สามารถมอบโอกาสทางธุรกิจให้กับคนที่เรารัก และอยากให้ได้ในสิ่งที่เราได้เหมือนกัน
* มีโอกาสที่จะเรียนรู้ประสบการณ์ตรงจากผู้ที่ประสบความสำเร็จแบบหมดเปลือก ซึ่งสามารถนำมาใช้
กับการดำรงชีวิต การทำงาน หรือนำไปใช้กับการทำธุรกิจอื่นด้วย
Threats ( อุปสรรค )
* ตัวเอง นี่แหละคือ อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุด ความขี้เกียจ ดูถูกตัวเองคิดว่าตัวเองไม่เหมาะ ทำไม่ได้
หรือเชื่อมั่นในตัวเองมากไป ไม่เชื่อ Upline ทำเอง จนทำผิดแนวทางที่ถูกต้อง แล้วก็เลิกไปในที่สุด
* อุปสรรคจากคนรอบข้าง ที่ไม่เข้าใจธุรกิจ และมีอคติ (ธุรกิจนี้ กำลังใจจากคนรอบข้างสำคัญมาก)
* ไม่มีเวลามาศึกษาเรียนรู้ ไม่มาเข้าประชุม หรือทำธุรกิจอย่างจริงจัง
มาสรุปปิดท้ายกันอีกทีเกี่ยวกับธุรกิจนี้ว่า..ธุรกิจนี้มักมีความเย้ายวนจากรายได้ที่มากพอจะดึงดูดผู้คนให้เข้าไปสู่ธุรกิจนี้อย่างมากมาย แต่อย่างไรก็ตามดิฉันก็ไม่แนะนำให้คุณเข้าไปศึกษาธุรกิจนี้ เพราะด้วยเรื่องเงินเป็นเหตุผลหลัก แต่ต้องเริ่มจากการให้ก่อนจะดีที่สุด เอาหล่ะค่ะ..หลังจากที่ได้รู้จุดอ่อน จุดแข็ง โอกาส และอุปสรรค์ของธุรกิจ MLM ไปแล้วนั้น หลังจากที่ได้เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียแล้ว ดิฉันคิดว่า บางคนอาจคิดว่าธุรกิจแนวนี้คงไม่เหมาะกับตัวเองหรอก แต่ดิฉันเชื่อนะว่า มีอีกหลายคนที่เริ่มมองเห็นแล้วว่า ธุรกิจนี้มันมีข้อดีที่เหนือกว่าธุรกิจอื่นยังไง และเริ่มสนใจธุรกิจนี้แล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มอย่างไร ต้องใช้อะไรบ้าง รวมถึงปัจจัยในการพิจารณาเลือกธุรกิจเครือข่ายที่ไม่หลอกลวง ให้ผลตอบแทนจริง และมีโอกาสที่คุณจะประสบความสำเร็จได้จริงแค่ไหน เดี๋ยวนี้มันพอจะมีอะไรใหม่ในรูปแบบอะไร อย่างไร อดใจรอในตอนต่อไปนะค่ะ ขอทิ้งท้ายด้วยคำของคุณพ่อรวยสอนลูกไว้...
"คนที่รวยที่สุดในโลกมองหาวิธีการสร้างเครือข่าย..ในขณะที่คนทั่วๆไปได้เพียงแต่มองหางานทำ" สวัสดีค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น